Technical Analysis เครื่องมือจำเป็นของสายเทรด Cryptocurrency

11 Jan 2567

Technical Analysis

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นการเรียนรู้ข้อมูลการซื้อขายในอดีตมาวิเคราะห์โอกาสที่ราคาจะขึ้นหรือลงในอนาคต เช่น การนำข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายมาสร้างกราฟเพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างราคาและเวลา

ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี การวิเคราะห์เทคนิคถือว่าเป็นเครื่องมือที่ขาดไปไม่ได้ เนื่องมาจากเหตุผลหลัก ดังนี้

  1. ทำได้ง่ายกว่าวิเคราะห์ทางพื้นฐาน: แม้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะเพิ่งมีข้อมูลการซื้อขายเพียงหลักแค่สิบปี (Bitcoin เทรดครั้งแรกในวันที่ 3 มกราคม 2009) แต่ในตลาดนี้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเป็นสิ่งที่สามารถเก็บข้อมูลได้ง่าย แม่นยำ และมีข้อมูลจำนวนมาก ทำให้สามารถนำมาสร้างตัวชี้วัดทางเทคนิคและกลยุทธ์ในการเทรดได้มากมาย
  2. วิเคราะห์แนวโน้มรวดเร็ว: การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยระบุแนวโน้มของราคาคริปโทเคอร์เรนซีในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจการซื้อหรือขายได้อย่างทันท่วงที เหมาะกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความผันผวนสูง และพร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
  3. ง่ายต่อการปรับกลยุทธ์การลงทุน: นักลงทุนสามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่ต้องการการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  4. การจัดสรรเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ: นักลงทุนสามารถกำหนดแนวรับและแนวต้าน หาราคาที่เหมาะสมในการซื้อหรือขาย ช่วยจัดการความเสี่ยงในการใช้เงินลงทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น

แม้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะสามารถช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีได้อย่างดี แต่ก็มีความเสี่ยงหลายด้าน ได้แก่
  1. ไม่มีความแม่นยำ 100%: การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการใช้แค่ข้อมูลทางเทคนิค แต่ละเลยความสำคัญของข้อมูลอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อราคา เช่น ข้อมูลพื้นฐาน
  2. ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีกำลังเปลี่ยนแปลง: ตลาดนี้ถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ ยังเป็นตลาดที่อ่อนไหวและมีความผันผวนสูง โดยราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้การวิเคราะห์ผลไม่แม่นยำเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดทางการเงินทั่วไป
  3. ความหลากหลายของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี: ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลมีจำนวนหลายพันสกุลโดยมีลักษณะและการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น Bitcoin มีพื้นฐานการทำงานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัย Ethereum (ETH) มีความพิเศษในการรองรับสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ที่ทำให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนได้ Stablecoins ถูกผูกมูลค่ากับสกุลเงินหลักเพื่อลดความผันผวนของราคา เป็นต้น
  4. สภาพคล่องที่ยังไม่มีเสถียรภาพ: ปริมาณการซื้อขายในตลาด คริปโทเคอร์เรนซีมีผันผวนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสกุลที่ยังมีจำนวนนักลงทุนน้อย อีกทั้งตลาดยังคงได้รับอิทธิพลจากผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ (วาฬ) ค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
สรุป
นักลงทุนควรใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกับการวิเคราะห์พื้นฐาน
เพื่อทำให้การตัดสินใจการลงทุนมีความสมดุลและมั่นคงมากขึ้น
พร้อมวางแผนตัดขาดทุนทันทีหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

บทความที่เกี่ยวข้อง