Stablecoin คืออะไร? มีบทบาทในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร?

26 Aug 2567

Stablecoin คืออะไร? มีบทบาทในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร?

ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง Stablecoin หรือสเตเบิลคอยน์ เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่น่าสนใจและมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Stablecoin ตั้งแต่ความหมาย กลไกการทำงาน ประเภท ไปจนถึงตัวอย่างที่น่าสนใจในตลาด

Stablecoin คืออะไร?

Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ โดยอ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น เช่น สกุลเงินสหรัฐ ทองคำ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ วัตถุประสงค์หลักของ Stablecoin คือการลดความผันผวนที่มักพบในสกุลเงินดิจิทัลทั่วไป เช่น Bitcoin (BTC) หรือ Ethereum (ETH)

Stablecoin ทำงานอย่างไร?

การที่จะสามารถออกเหรียญ Stablecoin ได้ ผู้ออกจะต้องมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเท่ากับหรือมากกว่าจำนวน Stablecoin ที่หมุนเวียนในตลาด เช่น หากมี USDT (Tether) ในระบบ 1 ล้านเหรียญ บริษัท Tether จะเก็บสินทรัพย์ไว้ในคลังด้วยมูลค่าที่เท่ากับหรือมากกว่าจำนวน USDT ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักประกันว่า USDT ทุกเหรียญจะมีสินทรัพย์ค้ำประกัน

เมื่อผู้ใช้ต้องการแลกเปลี่ยน Stablecoin เป็นสกุลเงินจริง บริษัทผู้ออกจะทำการถอนให้โดยใช้สินทรัพย์ค้ำประกันที่เก็บไว้ ในทางกลับกัน เมื่อมีการซื้อ Stablecoin บริษัทจะรับเงินหรือสินทรัพย์เข้ามาเพิ่มในระบบค้ำประกัน ระบบนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่า Stablecoin มีมูลค่าที่มั่นคงได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของ Stablecoin ขึ้นอยู่กับความโปร่งใสและความมั่นคงของบริษัทผู้ออก รวมถึงการตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืนยันว่ามีสินทรัพย์ค้ำประกันครบถ้วนตามที่ประกาศไว้

ประเภทของ Stablecoin มีอะไรบ้าง?

  1. Fiat-backed Stablecoin
    Stablecoin ประเภทนี้ถูกค้ำประกันด้วยสกุลเงินเฟียต เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือเยน โดยทุกๆ หน่วยของ Stablecoin จะมีเงินสดหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดค้ำประกันอยู่ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ USDT (Tether) Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด โดย 1 USDT มีราคาเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ

  2. Commodity-backed Stablecoin
    Stablecoin ประเภทนี้ถูกค้ำประกันด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือ โลหะมีค่าอื่นๆ มูลค่าของ Stablecoin จะแปรผันตามราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นๆ เช่น Paxos Gold (PAXG) ที่มีการค้ำประกันด้วยทองคำจริง โดยแต่ละ PAXG จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับทองคำบริสุทธิ์น้ำนักหนึ่งทรอยออนซ์

  3. Algorithmic Stablecoin
    Stablecoin ประเภทนี้ไม่ได้ใช้สินทรัพย์จริงในการค้ำประกัน แต่ใช้อัลกอริทึม และสัญญาอัจฉริยะในการควบคุมอุปทานของเหรียญ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา วิธีนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าประเภทอื่นๆ โดยมีตัวอย่างคือ TerraUSD (UST) ซึ่งเป็น Algorithmic Stablecoin ที่ทำงานควบคู่กันกับ LUNA แต่ได้ล่มสลายไปแล้ว หลังเกิดการทำงานผิดพลาด ประกอบกับความตื่นตระหนกในตลาด และ "เดธสไปรัล" (Death spiral) ส่งผลให้มูลค่าของ UST และ LUNA ลดลงอย่างมาก และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

  4. Crypto-Backed Stablecoin
    Stablecoin ประเภทนี้ถูกค้ำประกันด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum โดยมักจะมีการค้ำประกันแบบ Over-collateralized หมายความว่ามูลค่าของสินทรัพย์ค้ำประกันจะสูงกว่ามูลค่าของ Stablecoin ที่ออกมา เพื่อรองรับความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ DAI ซึ่งถูกค้ำประกันด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลหลายสกุล โดยเฉพาะ ETH ผ่านการใช้ Smart Contract ซึ่งข้อดีของ Crypto-Backed Stablecoin คือมีความโปร่งใสสูงและไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง แต่ก็มีความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์ค้ำประกัน จึงต้องมีกลไกในการรักษาเสถียรภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การบังคับขายหลักประกัน (liquidation) เมื่อมูลค่าหลักประกันลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
สรุป
Stablecoin เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยช่วยลดความผันผวนและเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบ แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายในด้านกฎระเบียบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผู้ใช้งานควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนใน Stablecoin

บทความที่เกี่ยวข้อง