มูลค่าตลาด (Market Capitalization) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า Market Cap คือตัวชี้วัดที่แสดงถึงมูลค่ารวมของสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยคำนวณจาก “ราคาต่อเหรียญ” คูณกับ “จำนวนเหรียญทั้งหมดที่หมุนเวียนในตลาด” Market Cap ได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการประเมินขนาดและความนิยมของสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละสกุล

ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างตลาดคริปโทเคอร์เรนซี Market Capอาจเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข้อมูลนี้อย่างสม่ำเสมอ และใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์ของตลาดและสินทรัพย์ดิจิทัลที่สนใจ

การคำนวณ Market Cap ทำได้ง่ายๆ โดยใช้สูตรดังนี้:

Market Cap = ราคาต่อเหรียญ × จำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในตลาด

ตัวอย่างเช่น หากราคาของ Bitcoin (BTC) อยู่ที่ $50,000 ต่อ 1 BTC และมีจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในตลาด 19 ล้านเหรียญ Market Capของ Bitcoin จะเท่ากับ: $50,000 × 19,000,000 = $950,000,000,000 หรือ 9 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ นั่นเอง

1. บ่งบอกขนาดของเหรียญ
   มูลค่าตลาดที่สูงมักสะท้อนถึงเหรียญที่มีขนาดใหญ่ และได้รับความนิยมจากนักลงทุนในตลาด โดยทั่วไปแล้ว เหรียญที่มี Market Cap สูงมักจะเป็นเหรียญที่มีความน่าเชื่อถือ มีทีมงานที่แข็งแกร่ง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น Bitcoin ที่มี Market Cap สูงที่สุดในบรรดาคริปโทเคอร์เรนซี
   
   
2. ประเมินความเสี่ยง 
   เหรียญที่มี Market Cap  สูงมักจะมีมูลค่าที่ผันผวนน้อยกว่าเหรียญที่มี Market Cap ต่ำ เนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูงกว่า และมีฐานนักลงทุนที่กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเหรียญที่มี Market Cap สูงจะปลอดภัยเสมอไป นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
   
3. เปรียบเทียบระหว่างเหรียญ 
   ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบมูลค่าเหรียญแต่ละเหรียญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ Market Cap เป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นในการเปรียบเทียบขนาด และความนิยมของเหรียญต่างๆ และยังสามารถใช้ในการจัดอันดับเหรียญได้อีกด้วย
   
   
4. คาดการณ์การเติบโต 
   Market Cap สามารถใช้ประเมินศักยภาพในการเติบโตของเหรียญในอนาคตได้ โดยเปรียบเทียบ Market Cap ปัจจุบันกับ Market Cap สูงสุดในอดีต หรือเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อประเมินว่าเหรียญนั้นๆ มีโอกาสเติบโตได้อีกมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น เทคโนโลยี ทีมงาน และการนำไปใช้งานจริง

บทความที่เกี่ยวข้อง